ในยุคที่ social media เช่น Facebook และ Instagram กำลังบูม ธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น SME หรือธุรกิจขนาดใหญ่ ต่างมุ่งไปที่การขายของทาง Facebook เพียงอย่างเดียว เพราะคนไทยใช้เฟสบุ๊คกันเยอะ อีกทั้งการสร้าง Fanpage บน Facebook ง่ายและรวดเร็วกว่าการทำเว็บไซต์มาก ทำให้หลายๆ ธุรกิจตัดสินใจที่จะละเลยการทำเว็บไซต์เพราะกังวลเรื่องความยุ่งยากในการทำ
อยากบอกว่าคุณพลาดมากที่ไม่ทำเว็บไซต์เพราะว่า Facebook ลดการมองเห็นลงเรื่อยๆ อีกทั้งโฆษณาบนเฟสบุ๊คก็ไม่สามารถกำหนด keyword การค้นหาได้ชัดเจนเหมือน search engine ทั่วไปอีกด้วย และ Facebok Fanpage ก็ไม่สามารถทำอันดับดีๆ บน google ได้เพราะไม่ค่อยเป็นมิตรต่อ SEO เท่าเว็บไซต์ อีกข้อเสียสำคัญของเฟสบุ๊คไม่สามารถปิดการขายได้ที่เท่าเว็บไซต์เพราะ landing page มีคุณภาพต่ำกว่าและแสดงข้อมูลได้จำกัด
การมีเว็บไซต์เป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจออนไลน์เพราะมีจุดเด่นหลายๆ อย่างเช่น
- เว็บไซต์เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์เพราะเปรียบเสมือพื้นที่ร้านค้าของคุณเอง ต่างจากพวกโซเชียลมีเดียซึ่งเหมือนเป็นการออกบูธซะมากกว่า การมีเว็บไซต์ทำให้ธุรกิจดูน่าเชื่อถือขึ้นเยอะ
- เว็บไซต์ community ที่มีคนเข้าพอสมควร สามารถใส่โฆษณาเช่น banner หรือ ads แบบ PPC ได้ ทำให้สร้างรายได้ได้หลากหลายกว่าการใช้โซเชียลมีเดียเพียงอย่างเดียว
- เว็บไซต์เป็นบ้านของคุณเอง ปรับแต่งและใส่ข้อมูลได้ง่ายกว่ามาก ที่สำคัญไม่โดนบล๊อกง่ายๆ แบบ Facebook แน่นอน
- การมีเว็บไซต์ทำให้ลูกค้ามีหลากหลายช่องทางในการชำระเงินมากกว่าการใช้ social media เพราะคุณสามารถปรับแต่งได้หลากหลายกว่าเช่นทำระบบตะกร้าสินค้า และรองรับการเก็บข้อมูลบัตรเครดิตอีกด้วย
- เว็บไซต์ทำให้ลูกค้าค้นหาธุรกิจของคุณเจอบนโลกออนไลน์ เพราะโอกาสติด search engine ของเว็บไซต์มีสูงกว่าพวก social media มาก
สมัยก่อนการทำเว็บไซต์เป็นเรื่องยากเพราะต้องเขียนภาษาโปรแกรมมิ่งเป็น แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว สมัยนี้แค่มีพื้นฐาน html เพียงเล็กน้อยก็สามารถทำเว็บไซต์ได้โดยใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง โดยใช้ Content Management System หรือ CMS เช่น WordPress มาช่วย ซึ่งก็มีหลาย
host ที่มีระบบติดตั้ง CMS ต่างๆ แบบอัตโนมัติ ในไม่กี่คลิก ทำให้ยิ่งสะดวกขึ้นไปอีก
องค์ประกอบหลักๆ ในการทำเว็บไซต์มี 3 อย่างคือ
- script และข้อมูลต่างๆ อันนี้คุณมี 2 ทางเลือกคือเขียนโปรแกรมเองด้วยภาษา PHP หรือ ASP.NET หรือจะใช้ CMS เพื่อช่วยในการทำเว็บก็ได้ หากคุณต้องการทำเว็บได้ไวขึ้นคุณอาจจะหาซื้อ theme ต่างๆ เช่นจาก Themeforest เพื่อให้การทำเว็บราบรื่นขึ้นได้
- คุณต้องหาเช่าบริการ
hosting ซึ่งเป็นบริการเช่าพื้นที่บน server เพื่อเก็บข้อมูลเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงเว็บของคุณบนอินเตอร์เน็ตได้ทุกเวลาที่ต้องการ ประเภทของโฮสติ้งหลัก ๆ แบ่งออกเป็น Shared Hosting, Virtual Private Server หรือ
VPS และ Dedicate Hosting ส่วนจะใช้โฮสติ้งประเภทไหน อันนี้คงขึ้นกับงบและความต้องการของเว็บไซต์เป็นหลัก
- เมื่อมี host แล้วสุดท้ายก็ต้องจดทะเบียนชื่อเว็บที่ไม่ซ้ำกันบนระบบ DNS หรือที่เรียนกันว่าการจดโดเมนนั่นเอง เราจดโดเมนเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงเว็บได้ง่ายโดยเข้าผ่านชื่อเว็บแทนการจำเลข IP ของ server เราควรตั้งชื่อโดเมนให้สั้นและกระชับจะได้จำง่ายและควรใช้สกุลที่นิยมกันเช่น .com และ .net เป็นต้น
สรุปค่าใช้จ่ายในการทำเว็บไซต์รวมทุกอย่างแล้วไม่เกิน 5,000 กรณีทำเว็บไซต์เอง ไม่แพงเลยใช่ไหมละครับ คุ้มค่าในระยะยาวมากๆ แน่นอนหรือหากกรณีจ้างทำเว็บไซต์ก็เริ่มที่ประมาณ 15,000 บาทขึ้นกับความยากง่ายและความซับซ้อนของเว็บไซต์นั่นเอง